Page 362 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 362

I22


                           จากการที่ได้ทบทวนเอกสารและวิจัยที่เกี่ยวข้องชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการชะลอไตเสื่อม
                  ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาโปรแกรมการจัดการตนเองเพื่อชะลอไตเสื่อมระยะที่ 3-4 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความรู้
                  และทักษะในการจัดการตนเองกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง มีพฤติกรรมการชะลอไตเสื่อม ที่ถูกต้องเหมาะสม
                  สามารถชะลอไตเสื่อมได้

                  วัตถุประสงค์การวิจัย

                      เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมชะลอไตเสื่อมระยะที่ 3-4 และผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
                  ในโรงพยาบาลธวัชบุรี

                  วิธีดำเนินการวิจัย
                      รูปแบบการวิจัย การวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi - experimental research) แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและ
                  หลังการทดลอง (One-group pretest-posttest design) ระยะเวลาดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2565

                  ถึงเดือนกันยายน 2566
                      ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์
                  แล้วว่าอยู่ในระยะไตเสื่อมระยะที่ 3-4 ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเข้ารับบริการในคลินิกเบาหวานแผนกผู้ป่วยนอก

                  โรงพยาบาลธวัชบุรี
                      กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แล้วว่าอยู่ในระยะไตเสื่อม
                  ระยะที่ 3-4 ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเข้ารับบริการในคลินิกเบาหวานแผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลธวัชบุรี จำนวน
                  30 คน ที่ศึกษาโดยมีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์
                  ที่กำหนด

                      ขนาดกลุ่มตัวอย่าง การศึกษาครั้งนี้กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยคำนวณจากโปรแกรม G*power
                  3.1.4.9 ได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 19 ราย คำนวณเผื่อ Drop out 20% ได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง
                  เท่ากับ 29.69 หรือ 30 คน ในการศึกษาครั้งนี้จึงใช้กลุ่มตัวอย่างรวม ทั้งหมด 30 รายซึ่งจะมีค่าอำนาจในการ

                  ทดสอบจากการศึกษาในครั้งนี้เท่ากับ .80  และการจัดกลุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลอง จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
                  30 ราย ผู้วิจัยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติที่กำหนด ผู้วิจัยใช้วิธีการจับฉลากสุ่มเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง
                  โดยทุกหน่วยของกลุ่มตัวอย่างมีโอกาสถูกเลือกเท่าเทียมกัน ใช้การจับฉลากเข้ากลุ่มทดลองจนครบตามจำนวน
                      เครื่องมือที่ใช้ในการการวิจัย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ  1) เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย

                  ได้แก่ โปรแกรมการจัดการตนเองเพื่อชะลอไตเสื่อมระยะที่ 3-4 ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นจากแนวคิดการจัดการตนเอง
                  (Self-management) ของแคนเฟอร์และกาลิก-บาย  บูรณาการกับรูปแบบการสนับสนุนการปรับเปลี่ยน
                                                               5
                                     6
                  พฤติกรรมเทคนิค 5 เอ  และศิริลักษณ์ ถุงทอง  2) เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ (1) แบบสอบถาม
                                                        7
                  ข้อมูลลักษณะทางประชากรและข้อมูลสุขภาพของกลุ่มตัวอย่าง (2) แบบสอบถามพฤติกรรมการชะลอไตเสื่อม
                  ที่ผู้วิจัยพัฒนามาจากงานวิจัยเรื่องผลของโปรแกรมส่งเสริมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
                                                                  8
                  ในผู้สูงอายุที่รักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้องแบบต่อเนื่อง  ร่วมกับการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องมีเนื้อหา
                  ครอบคลุมเรื่องโรคไตเสื่อมจากเบาหวานและการดำเนินของโรค ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยส่งเสริมให้เกิดไตเสื่อม
                  จากเบาหวาน แนวทางการชะลอไตเสื่อมที่มีการหาค่าความเชื่อมั่นด้วยวิธีการทดสอบสัมประสิทธิ์

                  อัลฟาของครอนบาช ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .82
                      ขั้นดำเนินการทดลอง
                        ขั้นตอนที่ 1 การสะท้อนปัญหาพฤติกรรมการชะลอไตเสื่อมของผู้ป่วยโดยการสร้างสัมพันธภาพ

                  เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจ รวมทั้งกระตุ้นและเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยบอกปัญหาที่แท้จริง ซึ่งผู้วิจัยจะใช้ข้อมูล
                  พื้นฐานที่ได้จากการประเมินพฤติกรรมการชะลอไตเสื่อมในครั้งแรก เพื่อเจาะลึกลงไปในแต่ละปัญหาของผู้ป่วย
   357   358   359   360   361   362   363   364   365   366   367