Page 377 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 377
I37
การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายโดยระบบการแพทย์ทางไกล
โรงพยาบาลประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
นางจินตนา สุขประเสริฐ และแพทย์หญิงวรัญญา อริยตระกูลวงศ์
โรงพยาบาลประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เขตสุขภาพที่ 9
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหาวิจัย
ในปัจจุบันโรคไตเรื้อรัง เป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลก เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของ
การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร การดำเนินโรคไปสู่โรคไตวายเรื้อรัง
ระยะสุดท้าย (end-stage renal disease, ESRD) ของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สาเหตุส่วนใหญ่ ร้อยละ70
เกิดจากเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งมีสถิติผู้ป่วยรวมเกือบ 15 ล้านคน ผลที่ตามมาคือมีภาวะไตเสื่อม
และเสื่อมเร็วขึ้นหากปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง จากข้อมูลพบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังร้อยละ 17.6 ของ
ประชากรหรือประมาณ 8,000,000คน เป็นผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย 80,000คน (สมาคมโรคไต.กรุงเทพฯ
2561.) จึงควรเน้นการชะลอความเสื่อมของไตเพื่อให้เข้าสู่ระยะที่ต้องล้างไตช้าลง ประหยัดค่ารักษาพยาบาล
ให้ภาครัฐได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท ลดภาวะแทรกซ้อนและอัตราการเสียชีวิตได้ วิเคราะห์ข้อมูลในพื้นที่
อำเภอประโคนชัยพบว่ามีผู้ป่วยที่รักษาด้วยโรคเบาหวาน 7,054 ราย และความดันโลหิตสูง 13,480 ราย
ได้รับการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางไต ร้อยละ 85.42 มีภาวะแทรกซ้อนทางไต โดยแยกเป็นไตเสื่อม
ระยะที่ 3,4,5 ร้อยละ 20,2.93,1.80 ตามลำดับ (ฐานข้อมูล HDC จังหวัดบุรีรัมย์) รวมทั้งร้อยละของผู้ป่วย
CKD ที่มีอัตราการลดลงของeGFR<5ml/min/1.73m2/yr61%ซึ่งยังไม่ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัด การขาดนัดของ
ผู้รับบริการในคลินิกจากไม่มีค่าเดินทางและไม่มีผู้ดูแลนำส่ง ปัญหาความแออัดในสถานบริการจึงได้พัฒนา
ระบบการบริการในคลินิกขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรับบริการของผู้ป่วย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เพิ่มโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชน ยังเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
ในการดูแลสุขภาพ เพิ่มความพึงพอใจและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ทันสมัยของสถานพยาบาลในการให้บริการ
ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง สอดคล้องตามแนวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว) ที่กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขเป็น “สาธารณสุขยุคใหม่ (MOPH Plus)”
ยกระดับการดูแลสุขภาวะทุกมิติโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เพื่อจัดกลุ่มการให้บริการได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดกิจกรรมพบศิษย์พี่
2. เพื่อลดแออัดและลดเวลารอคอย และอุบัติการณ์ความเสี่ยง 0%
3. เพิ่มโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของผู้รับบริการ
4. อัตราการลดลงของeGFR≥66%
5. ผู้ป่วยเข้าสู่ระยะที่ต้องล้างไตช้าลง
วิธีการศึกษา
การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) สุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงร่วมกับการสังเกต
อย่าง มีส่วนร่วม (Participation observation)ในCKDstage5 ช่วงตุลาคม 2565-กันยายน 2566 จำนวน
179 คน
ขั้นตอนระยะที่ 1 วิเคราะห์สาเหตุที่พบในหน่วยงานและวางแผนพัฒนาระบบดังนี้