Page 545 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 545

N9

                  ผลการศึกษา

                         กลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมโปรแกรมเสริมสร้างความรอบรู้ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลที่ครบตาม
                  กระบวนการ และทำแบบทดสอบก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมฯครบถ้วน จำนวน 52 ราย ส่วนมากเป็น
                  เพศหญิงร้อยละ 33 อายุส่วนใหญ่ 41 – 50 ปี ร้อยละ 44.23 การศึกษาระดับม. 4 - ม. 6 ร้อยละ 69.23

                  เคยตรวจโรคแต่ไม่พบโรคร้อยละ 55.77 อาชีพส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ร้อยละ 86.54 สถานภาพส่วนใหญ่เป็น
                  อสม. ร้อยละ 84.62
                         การตอบแบบสอบถามความรอบรู้ด้านการใช้ยาในชุมชน (33 คะแนน) พบว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ
                  มีคะแนนความรอบรู้ด้านการใช้ยาในชุมชนเฉลี่ย 21.74±4.98 คะแนน ซึ่งหมายถึงมีความรอบรู้ด้านการใช้ยา

                  ในชุมชนระดับพอใช้ (คะแนนรวมเท่ากับร้อยละ 60–69)  20 –23 คะแนน และเมื่อตอบแบบสอบถามหลัง
                  ได้รับโปรแกรมพบว่าได้คะแนนเฉลี่ย 29.43±1.58 คะแนน ซึ่งหมายถึงมีความรอบรู้ด้านการใช้ยาในชุมชน
                  ระดับมาก เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังได้รับโปรแกรมพบว่าคะแนนเฉลี่ยมีความแตกต่างกัน
                  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิต (p <0.001)

                  อภิปรายผล

                         ก่อนเข้าร่วมโปรแกรมเสริมสร้างความรอบรู้ในการใช้ยาในชุมชนอย่างสมเหตุผล พบว่ากลุ่มตัวอย่าง
                  มีค่าคะแนนเฉลี่ยกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนรวมเท่ากับร้อยละ 60–69) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย
                  ของกฤษฎากร เจริญสุข (2565) ที่มีคะแนนระดับความรอบรู้เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66 (ระดับพอใช้) (กฤษฎากร
                  เจริญสุข,2565)

                         ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความรอบรู้ในการใช้ยาในชุมชนอย่างสมเหตุผล ในกลุ่ม อสม. พบว่า
                  คะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังเสริมสร้างความรอบรู้มีคะแนนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิต ( p < 0.001)
                  ค่าคะแนนความรอบรู้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการศึกษาดังนี้ การศึกษาพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมความรู้
                  พฤติกรรมและ สมรรถนะการใช้ยาที่ถูกต้องในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ

                  หมู่บ้าน จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สูงกว่ากลุ่มควบคุมภายหลังได้รับโปรแกรม
                  ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพการใช้ยาที่ถูกต้อง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ(p<.05) (ธัญญาสิริ
                  ธันยสวัสดิ์ วราทิพย์ แก่นการ และ รสวลีย์ อักษรวงค์, 2565) และสอดคล้องกับการศึกษาผลของโปรแกรม

                  พัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ  ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เทศบาลเมือง
                  สิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ที่พบว่าภายหลังเข้าร่วมโปรแกรมกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพ
                  โดยรวมเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) (กฤษฎากร เจริญสุข,2564)
                         โดยก่อนได้รับการเสริมสร้างความรอบรู้โดยการออกแบบกิจกรรมทั้ง 6 กิจกรรมนั้นมีคะแนน
                  ความรอบรู้เฉลี่ยระดับพอใช้ เมื่อได้รับการเสริมสร้างความรอบรู้กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความรอบรู้เฉลี่ยอยู่ใน

                  ระดับดีมาก เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่ทีมวิจัยสร้างขึ้น มีการอบรมความรู้ การฝึกปฏิบัติ
                  การเรียนรู้จากประสบการณ์ สถานการณ์จำลองเพื่อเลือกตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ดังนั้นเมื่อได้รับ
                  โปรแกรมเสริมสร้างความรอบรู้ด้านการใช้ยาทำให้ อสม. เกิดการรับรู้ในความสามารถของตนเอง อีกทั้งเป็น

                  การได้รับการสนับสนุน การสร้างกำลังใจในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและและกัน จะทำให้มีการสร้างพลังอย่าง
                  ต่อเนื่อง ดังนั้น โปรแกรมการเสริมสร้างความรอบรู้ในด้านการใช้ยาในชุมชนเพื่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
                  ซึ่งประกอบด้วย 6 กิจกรรม ที่มีการอบรมความรู้ การฝึกปฏิบัติ การเรียนรู้จากประสบการณ์สถานการณ์จำลอง
                  เพื่อเลือกตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ส่งผลให้ความรอบรู้ด้านการใช้ยาในชุมชนสูงขึ้นจากระดับพอใช้เป็น

                  ระดับมาก
   540   541   542   543   544   545   546   547   548   549   550