Page 714 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 714
Q26
สมองกับชนิดของยา ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.4856) ปัจจัยของช่วงอายุ (น้อยกว่า 55 ปี
56-70 ปี และ71 ปีขึ้นไป) ต่อการได้รับยาแตกต่างกัน ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.0438) โรคไม่
ติดต่อเรื้อรังต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองและชนิดของยารักษาโควิด 19 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติ(p=0.3296)
ตารางที่ 1 แสดงปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อเกิดโรคหลอดเลือดหลังติดเชื้อโควิด 19 หลังได้รับยาโควิด 19
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ของยารักษาโควิด 19 Odd Ratio 95%Confidence p-value
ต่อการเกิดโรคหลอดเลือด(N=95) Interval
- ยารักษาโควิด 19 ต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง -0.0892601 -0.2381295 - 0.0596092 0.237
b
- การมีอายุมากกว่า71ปีขึ้นไปต่อการมีโรคประจำตัว 0.7229912 0.5181166 -0.9278659 0.001 b
มากกว่า2โรคขึ้นไป b
-การมีอายุมากกว่า71ปีขึ้นไปต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและ 0.4662689 0.1935706-0.7389672 0.001
b
สมอง
a
b
c
หมายเหตุ Kruskal willis test, Multiple logistic regression, Chi-square test
อภิปรายผล
จากการศึกษาในด้านปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการใช้ยาโควิดต่อเกิดโรคหลอดเลือดหลังติดเชื้อโควิด
19 พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์สูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง คือ อายุมากกว่า 71 ปี การมี
โรคไม่ติดต่อเรื้อรังมากกว่า 2 มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.001) โดยใช้การวิเคราะห์
ส่วนยารักษาโควิด 19 อาจไม่ใช่สาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง อย่างไม่แตกต่างอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติ(p=0.237)โดยใช้สถิติ Multiple Logistic Regression การศึกษาพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็น
เพศหญิง อายุเฉลี่ย 69 ปี มีจำนวนวันอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองหลังการติดเชื้อโค
วิด 19 เฉลี่ย 189 วัน ผู้ป่วยโควิด 19 และเป็นโรคหลอดเลือดส่วนใหญ่ได้รับยา Favipiravir ร้อยละ 76.84
และ Molnupiravir ร้อยละ 21.05 เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วยปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิด
โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ได้แก่ เพศ ของผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจและสมองกับชนิดของยา ไม่แตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.4856) ปัจจัยของช่วงอายุ (น้อยกว่า 55 ปี 56-70 ปี และ71 ปีขึ้นไป) ต่อการ
ได้รับยาแตกต่างกัน ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.0438) โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่อโรคหลอดเลือด
หัวใจและสมองและชนิดของยารักษาโควิด 19 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.3296) โดยพบว่า
การการใช้ยา Molnupiravir และ Favipiravir ในสูงอายุมากกว่า 71 ปี และการมีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมากกว่า
2 โรคขึ้นไปมีแนวโน้มสูงขึ้น มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.001) แต่ยารักษาโควิด 19 อาจ
ไม่ใช่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมอง ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p=0.237)
สรุปและข้อเสนอแนะ
ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหลังติดเชื้อโควิด 19
พบว่า กลุ่มคนไข้ที่มีอายุมากกว่า 71 ปี มีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมากกว่า 2 ชนิด (p-value<0.001) มีความ
จำเป็นต้องติดตามเฝ้าระวังการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โดยยารักษาโควิด 19 อาจไม่ใช่สาเหตุของ
การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง(p=0.237) อย่างไรก็ตาม การศึกษาในครั้งนี้ควรติดตามข้อมูลด้าน
จำนวน และชนิดของวัคซีนที่อาจส่งผลต่ออุบัติการณ์การเกิดโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจเพิ่มเติม และ
การศึกษาครั้งทำการศึกษาในโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก การนำผลการศึกษาไปอ้างอิงหรือการวิจัยต่อควรทำ
ด้วยความระมัดระวัง