Page 126 - ระบบรับส่งต่อผู้ป่วย
P. 126
ชัดเจน แต่ค่อนข้างคับแคบ น้ ารั่วจากเพดานและไม่มีห้องน้ าภายในศูนย์ โรงพยาบาลที่ส่งต่อไม่สามารถเข้าถึง
ข้อมูลด้านผลลัพธ์ของการดูแลรักษาผู้ป่วยได้ เนื่องจากมีโปรแกรม Smart refer แต่ยังไม่น าไปใช้ในทุกจุด
บริการภายในโรงพยาบาล ท าให้การจัดเก็บข้อมูลไม่ครบถ้วน และยังไม่สามารถน าไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ร่วมกันได้
ข้อเสนอแนะกำรด ำเนินงำนของศูนย์ประสำนงำนส่งต่อ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ สรุปได้ดังนี้
ื้
ั
ควรวางแผนการจัดสรรอตราก าลังให้เพยงพอต่อการปฏิบัติงาน วางแผนปรับปรุงพนที่ท างานให้สะดวก
ี
ั
ื่
ื้
ต่อการท างาน มีห้องน้ า มีพนที่ส าหรับรับประทานอาหาร นั่งเล่น พดคุย หรือพกผ่อนระหว่างเวร เพอผ่อน
ู
คลายความเครียดจากการท างาน วางแผนพัฒนาการใช้งานโปรแกรม Smart refer ให้ครอบคลุมทุกจุดบริการ
ภายในโรงพยาบาล เพอให้การจัดเก็บข้อมูลครบถ้วน โรงพยาบาลที่ส่งต่อสามารถเข้าถึงข้อมูล ด้านผลลัพธ์
ื่
ื้
ของการดูแลรักษาผู้ป่วยได้ และสามารถน าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ควรวางแผนพฒนาพนที่ศูนย์
ั
ให้มีความพร้อมรองรับกับปริมาณงานและขยายโครงการ Telemedicine
อภิปรำยผล
จากผลการศึกษาการประเมินผลการด าเนินงานของศูนย์ประสานงานส่งต่อ โรงพยาบาลสรรพ
สิทธิประสงค์ อภิปรายผล แต่ละด้าน ได้ดังนี้ 1) ด้านบริบท ผลการศึกษา พบว่า ศูนย์จัดตั้งขึ้นสอดคล้อง
กับนโยบายการส่งต่อของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง และครอบคลุม
ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และปลอดภัย สอดคล้องกับผลการศึกษาของทิพย์วิภา สังข์อินทร์, ภาณุ อดกลั้น
และนุชนารถ ศรีนาค (2563) พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการมีแผนระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินครบวงจรประกอบด้วย
ระบบบริหารการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบส่งต่อผู้ป่วย ระบบบริการห้องฉุกเฉิน และเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วย
ในชุมชน 2) ด้านปัจจัยน าเข้า ผลการศึกษา พบว่า มีการจัดตั้งคณะกรรมการพฒนาระบบการรับส่งต่อผู้ป่วย
ั
ื่
ในหน่วยงาน ในโรงพยาบาล เพอเป็นเป็นผู้ขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดการจัดการบริการศูนย์ประสานงานส่ง
ต่อ ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน และมีการก าหนดเกณฑ์ในการประเมินผลลัพธ์ของการพฒนาระบบรับส่งต่อ
ั
เพอน าไปปรับปรุงและพฒนาระบบบริการรับส่งต่อ รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์รับผิดชอบที่ชัดเจน สนับสนุนให้มีผู้
ื่
ั
ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องการศึกษาของวราภรณ์ สมดี (2564) ซึ่งพบว่าปัจจัยแห่ง
ั
ความส าเร็จของ การพฒนาแนวทางการดูแลและการพยาบาล ผู้ป่วย COVID - 19 ในโรงพยาบาลคือการที่
ผู้บริหารเห็นความส าคัญ อนุมัติงบประมาณในการปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ และประกาศนโยบาย ที่ชัดเจน
ในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ยัง พบว่า ศูนย์ประสานงานส่งต่อมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการ
ประสานการรับส่งต่อผู้ป่วยน าไปสู่การบรรลุเป้าหมาย 3) ด้านกระบวนการ ผลการศึกษา พบว่า
ั
ศูนย์ประสานงานส่งต่อมีแผนพฒนาระบบบริการ สุขภาพการรับส่งต่อผู้ป่วยตาม Service Plan มีแนวทาง
การด าเนินงานชัดเจนในการระบบรับส่งต่อผู้ป่วยสอดคล้องกับนโยบายหลักของโรงพยาบาล 4) ด้านผลผลิต
ผลการศึกษาพบว่า พยาบาลที่ปฏิบัติงานในศูนย์มีความรู้และสมรรถนะในการประสานงานส่งต่อ และไม่มีการ
ปฏิเสธการรับส่งต่อ ซึ่งสามารถด าเนินการได้บรรลุเป้าหมาย และมีความส าเร็จตามตัวชี้วัดของศูนย์
ประสานงานส่งต่อในการด าเนินงานรับส่งต่อผู้ป่วย ระดับจังหวัด/ระดับเขต ตามเป้าหมายที่ก าหนด
นอกจากนั้นผลการศึกษายัง พบว่า ศูนย์ประสานงานส่งต่อ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีแนวทางปฏิบัติ
ในการรับส่งต่อผู้ป่วยที่ชัดเจน ในระดับจังหวัด ระดับเขต 5) ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ การด าเนินงาน
ของศูนย์ประสานงานส่งต่อ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ผลการศึกษาพบว่า ด้านการบริหารจัดการ
ั
มีโครงสร้าง สายการบังคบบัญชาที่ชัดเจน มีแนวทางการปฏิบัติงานระบบรับส่งต่อ มีการก าหนดบทบาทหน้าที่
ชัดเจน แต่มีปัญหาความไม่เพียงพอของพยาบาลที่ปฏิบัติงานในศูนย์ ต้องขึ้นเวรเฉลี่ย 34 เวร/คน/เดือน จึงท า
ให้พยาบาลมีความเหนื่อยล้าจากการท างาน เครียดสะสม พนที่ปฏิบัติงานค่อนข้างคับแคบ น้ ารั่วจากเพดาน
ื้
ผลงานวิชาการ Smart Referral System for “One Province One ER” 2023 122