Page 227 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 227
F13
ประสิทธิผลของรูปแบบการดูแลสตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
The effectiveness of puerperium care with gestational diabetes mellitus
นางวณิธ อนุเวช
โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เขตสุขภาพที่ 2
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหาวิจัย
สถานการณ์ปัจจุบันแบบแผนการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป วิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้มีพฤติกรรมสุขภาพ
ไม่เหมาะสมและมีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย ส่งผลให้ภาวะเบาหวานในสตรีขณะตั้งครรภ์มีอุบัติการณ์สูงขึ้น
ถึงแม้ว่าร้อยละ 90 ของสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะมีระดับของน้ำตาลในเลือดกลับสู่ภาวะปกติ
ในระยะหลังคลอด แต่ยังจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคเบาหวานในอนาคต สำหรับประเทศไทย
พบว่าสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีค่าน้ำตาลในเลือดหลังคลอด 6 สัปดาห์สูงกว่าปกติ ร้อยละ 81
โดยเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานร้อยละ 43 และเป็นโรคเบาหวานชนิด 2 ร้อยละ 38 โรงพยาบาลสมเด็จ
พระเจ้าตากสินมหาราช ปี 2563-2565 พบอุบัติการณ์สตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ร้อยละ 4.1 ในเวลาต่อมาระยะ 2-5 ปี
ปัจจัยที่เป็นเหตุให้สตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์และนำไปสู่การวินิจฉัยว่าเป็น
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในเวลาต่อมา แบ่งปัจจัยสาเหตุออกเป็นดังนี้ (1) ปัจจัยด้านผู้ให้บริการ คือ เน้นที่โรค
และการรักษามากกว่าการป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน รวมถึงขาดการติดตามต่อเนื่อง (2) ปัจจัย
ด้านผู้รับบริการ คือขาดการรับรู้ถึงประโยชน์ของการป้องกันโรค มีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้
มีความเครียดที่เพิ่มขึ้นในการปรับตัวระยะหลังคลอด ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ
ที่สุดที่จะทำให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ ตัวของสตรีหลังคลอดที่มี
ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีการรับรู้ต่อโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน รับรู้ประโยชน์ของการป้องกัน
โรคร่วมกับได้รับการสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัวและบุคลากรทางการแพทย์สูง จะมีพฤติกรรมสุขภาพ
ตนเองในการป้องกันโรคอย่างเหมาะสม (จิราภา สิงห์ตัน, ตติรัตน์ เตชะศักดิ์ศรี และวรรณทนา ศุภสีมานนท์,
2023) นำไปสู่การป้องกันการเกิดโรคเบาหวานในระยะหลังคลอดได้ ผู้วิจัยจึงศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบ
การดูแลสตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยการนำรูปแบบการดูแลสตรีหลังคลอดที่มีภาวะ
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ของสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566 มาประยุกต์ใช้ร่วมกับการปฏิบัติ
พยาบาล โดยการนำแนวคิด 3-Self ประกอบด้วย การรับรู้ความสามารถของตนเอง ( Self– efficacy)
การกำกับตนเอง (Self–Regulation) และการดูแลตนเอง (Self-care) เพื่อสร้างแรงจูงใจและเสริมพลัง
ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานโดยเน้น
การมีส่วนร่วมในการวางแผนและการปฏิบัติ กระบวนการดูแลและการสนับสนุนในการดูแลตัวเองที่บ้าน
เพื่อให้สตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีพฤติกรรมสุขภาพเป็นไปในทางที่เหมาะสม มีสุขภาพที่ดี
ป้องกันและลดการเกิดโรคเบาหวาน