Page 232 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 232

F18


                  2) จัดหายาฉีดให้โรงพยาบาลชุมชนกรณีไม่มียาฉีด 3) จัดช่องทางปรึกษาทางไลน์ 4) ประชุมร่วมกันกำหนด

                  กลุ่มผู้ป่วยที่ส่งกลับโรงพยาบาลชุมชน 5) ให้มารดา/ครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
                         ระยะที่ 3 ติดตามและประเมินผล พบว่าผู้ป่วยเด็กไม่มีอาการทรุดลงระหว่างส่งต่อ การประเมิน
                  ประสิทธิผลการใช้รูปแบบฯ พบว่ามีการพัฒนารูปแบบจากรูปแบบการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติ

                  อภิปรายผล
                         ด้านกระบวนการพัฒนา ใช้กระบวนการเชิงปฏิบัติการเน้นการมีส่วนร่วมบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงาน

                  เพราะจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดี เป็นผู้ปฏิบัติงานโดยตรงทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม ได้รับการยอมรับ
                  จากผู้อื่น ส่งเสริมให้สร้างแรงจูงใจในการทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ
                  เกิดความยั่งยืน ด้านผลลัพธ์ มีผลลัพธ์ดีขึ้น การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเชิงรุกในพื้นที่ ทำให้เห็นสถานการณ์

                  จริงแต่ละโรงพยาบาล พัฒนาได้ตรงประเด็น บุคลากรเข้าร่วมอบรมฝึกทักษะครอบคลุมมากขึ้น ผู้ป่วยเด็ก
                  มีความปลอดภัยมากขึ้นในการส่งต่อ เนื่องจากมีเครื่องมือในการประเมินอาการ แนวปฏิบัติที่ชัดเจน ทำให้
                  สามารถตัดสินใจให้การรักษาพยาบาลเหมาะสมและมีช่องทางให้คำปรึกษาทำให้แพทย์และพยาบาล
                  มีความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยเด็ก ส่งผลให้เกิดความพึงพอใจในทีมที่ดูแลและส่งต่อเพิ่มขึ้น

                  สรุปและข้อเสนอแนะ

                         การนำผลวิจัยไปใช้ ควรศึกษาและวิเคราะห์บริบทหน่วยงาน ทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์ กระบวนการจัดการ
                  และประยุกต์ให้เหมาะสม ควรมีการขยายผลการปฏิบัติสู่โรงพยาบาลอื่นๆ ในเขตสุขภาพเดียวกัน
   227   228   229   230   231   232   233   234   235   236   237