Page 228 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 228
F14
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการดูแลสตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ต่อความรู้
เกี่ยวกับโรคเบาหวาน พฤติกรรมการดูแลตนเอง ค่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร 8 ชั่วโมง และความพึงพอใจ
ต่อรูปแบบการดูแลสตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
2. เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแล
สุขภาพตนเอง ค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร 8 ชั่วโมง และค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจของสตรี
หลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์กลุ่มที่ได้รับการดูแลตามรูปแบบปกติ และกลุ่มที่ใช้รูปแบบการดูแล
สตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
วิธีการศึกษา
รูปแบบการวิจัย การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi - experimental research) ชนิด 2 กลุ่ม
วัดผลก่อนและหลังการทดลอง (Two Groups Pretest-Posttest Design) กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นสตรี
หลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ที่มารับบริการคลอดบุตรในโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราชตั้งแต่ เดือนกันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 44 คน ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง
แบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) โดยกำหนดคุณสมบัติของกลุ่มตัวอย่างเกณฑ์การคัดเข้า
(Inclusion criteria) ได้แก่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะการตั้งครรภ์
เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนคลอด สามารถสื่อสารอ่าน เขียนภาษาไทยได้มีโทรศัพท์มือถือสำหรับ
การติดต่อสื่อสารและสมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยกำหนดกลุ่มทดลองคือกลุ่มตัวอย่างที่ใช้รูปแบบการดูแล
สตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์จำนวน 22 คนและกลุ่มควบคุม คือกลุ่มตัวอย่างที่ใช้รูปแบบ
การดูแลปกติ จำนวน 22 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ซึ่งมีค่าความตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ 0.978 และเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินวิจัยซึ่งมีค่าความตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ 1
ประกอบด้วยรูปแบบการรักษาตามแนวทางเวชปฏิบัติสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566
รูปแบบการปฏิบัติการพยาบาลและสื่อ-คู่มือการจัดการตนเองของสตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ในรูปแบบแอปพลิเคชันไลน์
การพิทักษ์สิทธิกลุ่มตัวอย่าง วิจัยนี้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัย
ในมนุษย์ของโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตามหนังสือเลขที่ 28/2566 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566
ขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้ ระยะที่ 1 ระยะเตรียมการ ผู้วิจัยศึกษาสถานการณ์ ทบทวนวรรณกรรม
ที่เกี่ยวข้อง นำมาประยุกต์เป็นเครื่องมือดำเนินการวิจัยและสร้างเครื่องมือเก็บข้อมูลการวิจัย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ
จำนวน 3 ท่านตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาของเครื่องมือ ระยะที่ 2 ระยะการดำเนินการวิจัย นำรูปแบบ
การดูแลสตรีหลังคลอดที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้กับ
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงตามคุณสมบัติที่ผู้วิจัยกำหนด ระยะที่ 3 ระยะประเมินผล นำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล
และวิเคราะห์ข้อมูล