Page 236 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 236
F22
ประสิทธิผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวร่วมกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
จากตัวแบบต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในมารดาวัยรุ่นหลังคลอด
นางสาวชนิตา กิตติวีราพัชร์, นงลักษณ์ เครือเจริญ, ยุพเรศ จารุเนตร
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี เขตสุขภาพที่ 6
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหา
การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจและสังคม ผลกระทบ
ด้านสูติกรรมทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งในขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด และยังส่งผลต่อเด็ก
มีภาวะทารกคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวน้อย มีอัตราตายที่เพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ยังพบโอกาส
ของการตั้งครรภ์ซ้ำในมารดาวัยรุ่นที่เพิ่มมากขึ้น การตั้งครรภ์ซ้ำในมารดาวัยรุ่นเกิดจากสาเหตุที่สำคัญ
คือ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการคุมกำเนิดและใช้การคุมกำเนิดไม่ต่อเนื่อง ขาดความตระหนักถึงโอกาส
ในการตั้งครรภ์ซ้ำ การไม่ได้รับการบริการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ การฝังยาคุมกำเนิดเป็นวิธีหนึ่งที่มี
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงมีความต่อเนื่องและสม่ำเสมอในการคุมกำเนิด กระทรวงสาธารณสุขไทย
มีนโยบายการส่งเสริมการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในมารดาวัยรุ่น โดยหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี สามารถรับการฝัง
ยาคุมกำเนิดฟรีทุกสิทธิสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่การใช้ยาฝังคุมกำเนิดในมารดาวัยรุ่นหลังคลอด
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังคงต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่กรมอนามัยกำหนดไว้คือร้อยละ 80 โดยพบว่า
มีอัตราการใช้ยาฝังคุมกำเนิดเพียงร้อยละ 12.56, 10.88 และ 59.09 ในปี 2563-2565 ตามลำดับ ดังนั้น
การส่งเสริมการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในมารดาวัยรุ่นจึงเป็นภารกิจที่สำคัญ
มารดาวัยรุ่นหลังคลอดไม่ฝังยาคุมกำเนิดมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยได้แก่ ด้านความรู้เกี่ยวกับ
ยาฝังคุมกำเนิด ด้านความรู้สึกทางลบเกี่ยวกับการใช้ยาฝังคุมกำเนิด และความรู้สึกกลัวเกี่ยวกับความเจ็บปวด
ขณะฝังยาคุมกำเนิด ด้านการได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิด
หากมารดาวัยรุ่นมีความเชื่อและเห็นด้วยกับการสนับสนุนของของบุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามี และมารดา
ของตนเอง วัยรุ่นก็จะปฏิบัติตาม และยอมรับการใช้ยาฝังคุมกำเนิด (อารียา ธูปหอม และคณะ, 2562) ซึ่งสอดคล้อง
กับทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (Ajzen,1991) กล่าวว่า ความตั้งใจกระทำพฤติกรรมของบุคคลเกิดจาก
การที่บุคคลมีทัศนคติที่ดีต่อพฤติกรรม มีการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และการรับรู้ความสามารถของตนเอง
ในการควบคุมพฤติกรรม ซึ่งแผนกหลังคลอดมีกิจกรรมการพยาบาลที่ส่งเสริมการใช้ยาฝังคุมกำเนิด
ยังไม่ครอบคลุมการแก้ปัญหาดังกล่าว หากมีกิจกรรมการพยาบาลที่ช่วยแก้สาเหตุเหล่านี้ได้น่าจะทำให้
มารดาวัยรุ่นใช้ยาฝังคุมกำเนิดมากขึ้น ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วม
ของครอบครัวร่วมกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากตัวแบบต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในมารดาวัยรุ่นหลังคลอด
โดยใช้แนวคิดทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนมาเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยเพื่อส่งเสริมให้มารดาวัยรุ่นตัดสินใจ
ใช้ยาฝังคุมกำเนิด ซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำต่อไป
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยความรู้ยาฝังคุมกำเนิดของมารดาวัยรุ่นหลังคลอด
กลุ่มทดลองก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวร่วมกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากตัวแบบ
และคะแนนเฉลี่ยความรู้ยาฝังคุมกำเนิดของมารดาวัยรุ่นหลังคลอดระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม