Page 42 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 42

A18


                  การพัฒนาระบบติดตามและป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาวาร์ฟาริน (Warfarin)

                                           ด้วยแนวทาง Intensive ADR Monitoring


                                                     เภสัชกรหญิงศศิพร จึงมีผลบุญ และเภสัชกรหญิงพัทร์วรินท์ ศรลัมพ์
                                                                     โรงพยาบาลพล จังหวัดขอนแก่น เขตสุขภาพที่ 7

                                                                                               ประเภท วิชาการ

                  ความสำคัญของปัญหาวิจัย
                           วาร์ฟาริน (Warfarin) เป็นยาในกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่มีดัชนีการรักษาแคบ (narrow

                  therapeutic index)  การรับประทานยาวาร์ฟารินในขนาดสูงเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ที่เรียกว่า
                  major bleeding เช่น การเกิดเลือดออกในสมอง อวัยวะที่สำคัญ หรือเลือดออกจนถึงแก่ชีวิต แต่หากได้รับยา
                  วาร์ฟารินในขนาดต่ำเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้ คลินิกวาร์ฟาริน โรงพยาบาลพล

                  ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 โดยการดูแลร่วมกันระหว่างสหสาขาวิชาชีพ มีผู้ป่วยในคลินิก
                  เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จากข้อมูลย้อนหลังปี 2558 – 2561 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่เกิดภาวะ
                  major bleeding อยู่บ้าง จึงเกิดกระบวนการพัฒนาระบบบริบาลทางเภสัชกรรมและสื่อช่วยรับประทานยา
                  อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2564 ลดอุบัติการณ์เกิด major bleeding ได้ ร้อยละ 100 อย่างไรก็ตาม ในเดือน
                  มกราคมปี 2566 มีผู้ป่วยวาร์ฟารินที่เกิดภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารจนเสียชีวิต ซึ่งเป็น major bleeding

                  ที่สำคัญ ภายหลังทำการทบทวนกรณีศึกษาร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ ในส่วนของกลุ่มงานเภสัชกรรม
                  จึงได้ดำเนินการทบทวนและพัฒนากระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป

                  วัตถุประสงค์การศึกษา
                           1. เพื่อพัฒนาระบบยาและรูปแบบการบริบาลทางเภสัชกรรมแก่ผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟาริน (warfarin)
                           2. เพื่อลดการเกิดภาวะเลือดออก ที่เป็น major bleeding และภาวะเลือดออกที่อันตราย

                  จนถึงแก่ชีวิต (fatal bleeding)

                  วิธีการศึกษา
                             เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) ตามแนวคิดของ Stephen Kemmis &
                  Mc Taggart (1998) กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในคลินิกวาร์ฟารินทุกราย และบุคลากร

                  ได้แก่ แพทย์ พยาบาล และเภสัชกรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟาริน ผู้วิจัยดำเนินการเก็บข้อมูล
                  ตามตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนกันยายน 2566

                  ผลการศึกษา
                           1. ผลของการศึกษาบริบทในปัจจุบัน
                           คลินิกวาร์ฟาริน โรงพยาบาลพล ทำการทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เวลา 08.00-16.00 น.
                  มีสหสาขาวิชาชีพ ประกอบด้วยอายุรแพทย์ แพทย์ พยาบาล เภสัชกรประจำคลินิก โดยผู้ป่วยที่มีค่า INR

                  (International normalized ratio) อยู่นอกเหนือเป้าหมายจะถูกส่งมาพบเภสัชกรก่อนเข้าพบแพทย์
                  เพื่อซักถามความร่วมมือ ความคลาดเคลื่อนในการใช้ยา และปัญหาต่าง ๆ ด้านยา เช่นการเกิดอันตรกิริยา
                  หรืออาการไม่พึงประสงค์จากยา ข้อมูลที่ได้จากการบริบาลทางเภสัชกรรมแต่ละครั้งถูกบันทึกลงใน Patient
                  monitoring form และฐานข้อมูล Warfarin registry network สื่อและอุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ สมุดประจำตัว
                  ผู้ป่วย ตารางปรับขนาดยาสำหรับแพทย์ (warfarin dosing chart) การทำสติ๊กเกอร์รูปภาพสำหรับช่วย

                  รับประทานยา และการสร้างกล่องแจ้งเตือนในคอมพิวเตอร์ เพื่อเตือนว่าผู้ป่วยกำลังรับยาวาร์ฟาริน
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47