Page 47 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 47

A23


                         อันตรกิริยากับแอลกอฮอล์                               1 (6.25)

                         อันตรกิริยากับสภาวะโรค                               5 (31.25)
                         ไม่ทราบสาเหตุ (ไม่พบปัญหาจากการใช้ยา)                5 (31.25)

                  จากจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 44 ราย มีการปรึกษาแพทย์บนหอผู้ป่วยเพื่อปรับขนาดยา/เสนอแนะขนาดยา
                  จำนวน 8 ราย (ร้อยละ 18.18)  รายละเอียดดังตารางที่ 3

                  ตารางที่ 3 ปัญหาที่พบจากการใช้ยาวาร์ฟารินขณะนอนโรงพยาบาลและการแก้ไขปัญหาโดยเภสัชกร
                  (N=44)

                                       เหตุการณ์                          จำนวนเหตุการณ์ (ครั้ง)(ร้อยละ)
                   เสนอแนะเพื่อปรับขนาดยาหลังเริ่มใช้ยาวาร์ฟาริน                   4 (9.09)
                   ปรึกษาแพทย์พิจารณา hold warfarin เมื่อค่า INR                   2 (4.54)
                   prolong ขณะนอนโรงพยาบาล

                   รายงานขนาดยาที่ผู้ป่วยรับประทานจริงก่อนเข้ารับการ               2 (4.54)
                   รักษาในโรงพยาบาลกรณีคนไข้กินยาไม่ตรงตามที่แพทย์สั่ง
                                          รวม                                      8 (18.18)

                           ด้านผลข้างเคียงจากการใช้ยาวาร์ฟาริน พบภาวะเลือดออกแบบรุนแรง 1 ราย (ร้อยละ 2.27)
                           เมื่อคนไข้ออกจากโรงพยาบาล เภสัชกรจะทำ Discharge counselling โดยวิธี telepharmacy

                  ติดต่อสำเร็จ 38 ราย ติดต่อไม่ได้ 6 ราย ติดตามประเมินความร่วมมือในการใช้ยาเมื่อมา F/U หลัง D/C
                  มาพบแพทย์ตามนัด รับประทานยาถูกต้อง จำนวน 34 ราย(ร้อยละ 89.47)  กลับมารักษาในโรงพยาบาล
                  ก่อนนัด 2 ราย ไม่มาตามนัด 2 ราย
                  อภิปรายผล

                           จากผลดำเนินงานการบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยในที่ได้รับยาวาร์ฟารินจำนวนทั้งหมด 44 ราย
                  พบปัญหาการใช้ยาระหว่างนอนโรงพยาบาล 8 ราย (ร้อยละ 18.18 ของผู้ป่วยทั้งหมด) เมื่อเปรียบเทียบกับ
                  การศึกษาอื่นใน ประเทศไทยพบว่า มีความคล้ายคลึงกับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (ร้อยละ 16.56 )
                  ซึ่งทำในหอผู้ป่วยวิกฤตหัวใจและหลอดเลือด แต่มีความแตกต่างกับโรงพยาบาลชัยภูมิ (ร้อยละ 12.5)
                  ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยอายุกรรมทั่วไป (Kulprom W, 2003) และโรงพยาบาลจัตุรัส (ร้อยละ 24.08) ซึ่งเป็นหอผู้ป่วย

                  อายุรกรรมทั่วไปแต่เป็นโรงพยาบาลชุมชน (Kulprom W, 1999) อาจเนื่องมาจากเป้าหมายการศึกษานี้
                  คือ ผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟาริน จึงมีความคล้ายคลึงกันกับกลุ่มประชากรของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
                  ที่ทำการศึกษาในหอผู้ป่วยวิกฤตหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าการศึกษาอื่น

                  สรุปและข้อเสนอแนะ
                           สรุป
                           การบริบาลเภสัชกรรมผู้ป่วยในผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟารินทำให้สามารถค้นหาปัญหาจากการใช้ยา

                  และป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยาที่เกิดขึ้นระหว่างนอนโรงพยาบาลได้ ทำให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการใช้ยา
                           ข้อเสนอแนะ
                           การบันทึกข้อมูลลงในโปรแกรม PharMS การส่งต่อข้อมูลระหว่างผู้ป่วยในกับผู้ป่วยนอกยังมี

                  ข้อจำกัดคือบันทึกข้อความของโหมดผู้ป่วยในจะไม่แสดงให้เห็นเมื่อเข้าโหมดผู้ป่วยนอก หากต้องการสื่อสาร
                  จะต้องบันทึกข้อมูลลงในทั้ง 2 โหมดซึ่งยุ่งยากและเสียเวลา อีกข้อจำกัดหนึ่งคือโปรแกรม PharMS ยังไม่เป็น
                  version เดียวกันทั้งระบบ ทำให้เห็นการแสดงผลแตกต่างกันออกไป ยังต้องการการพัฒนาโปรแกรมต่อไป
                  ในอนาคต
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52