Page 629 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 629

Q15

                         - กรณีที่รับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใหม่ หลังจากจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล (re-admit) ภายในระยะเวลา

                  ไม่เกิน 1 เดือนจากการติดเชื้อดื้อยาครั้งก่อน ให้แยกผู้ป่วยไว้ก่อน โดยให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องแยก หากไม่มี
                  ห้องแยกให้จัดบริเวณให้ผู้ป่วยอยู่ (zoning)

                         2. การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา ด้วยการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วย สอน สาธิต, การปฏิบัติตามหลัก

                  Contact precautions อย่างเคร่งครัด, การสื่อสารให้บุคลากรต่างๆ ทราบ, การลดปริมาณเชื้อดื้อยา
                  ที่ปนเปื้อนบนร่างกาย, การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย, การจำหน่าย/การส่งต่อผู้ป่วย, การควบคุมเชื้อในสิ่งแวดล้อม,

                  การยุติการปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อดื้อยา, การใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย

                         3. การจำหน่ายผู้ป่วย ให้สุขศึกษาผู้ป่วยและญาติ ส่งข้อมูลการติดตามผู้ป่วยด้วยการสร้างเครือข่าย
                  การสื่อสารแบบกลุ่ม กรอกข้อมูลผู้ป่วยเป็นระบบบัญชีแจ้งเตือน (LINE ALERT) เจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาล

                  ส่งเสริมสุขภาพตำบล ติดตามเยี่ยมประเมินอาการ และ กรอกข้อมูลการติดตามเยี่ยมใน google sheet
                         ระยะที่ 3

                         - พยาบาลวิชาชีพที่ให้การดูแลผู้ป่วย ร้อยละ 94.44 เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 29 ปี มีอายุทำงานเฉลี่ย

                  5.75 ปี ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการมากที่สุด ร้อยละ 88.89
                         - หลังพัฒนาการพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อผู้ป่วยในที่ติดเชื้อดื้อยาของโรงพยาบาลวังเจ้า

                  มีการปฏิบัติตามแนวทางการพยาบาลผู้ป่วยในที่ติดเชื้อดื้อยาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งด้านการล้างมือ การใช้
                  อุปกรณ์ป้องกัน การแยกผู้ป่วยและอุปกรณ์ของใช้ของผู้ป่วย การจัดการอุปกรณ์การแพทย์ และการทำความสะอาด

                  สิ่งแวดล้อม

                         - ความพึงพอใจต่อการพัฒนาการพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อผู้ป่วยในที่ติดเชื้อดื้อยา
                  โรงพยาบาลวังเจ้าอยู่ในระดับพึงพอใจมาก (M = 2.77, S.D.=0.42) พิจารณาเป็นรายด้านพบว่าแนวทางมี

                  ขั้นตอนการปฏิบัติงานชัดเจนในระดับพึงพอใจมาก (M = 2.89, S.D.=0.32)

                  อภิปรายผล

                         พบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามีการติดเชื้อดื้อยาก่อนมาโรงพยาบาล พบมากที่สุดในกลุ่มที่มีอายุ

                  มากกว่า 60 ปี เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย พบเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินปัสสาวะมากที่สุด และเชื้อก่อโรค
                  ดื้อยา 3 อันดับแรกที่พบในสิ่งส่งตรวจได้แก่ Escherichia coli , Acinetobacter baumannii  และ

                  Klebsiella pneumoniae สถานการณ์ของเชื้อก่อโรคดื้อยาที่พบในสิ่งส่งตรวจ สอดคล้องกับข้อมูลอัตรา
                  การติดเชื้อในโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 ในโรงพยาบาลระดับชุมชนพบเชื้อก่อโรคดื้อยา

                  3 อันดับแรก ได้แก่ Acinetobacter baumannii, Klebsiella pneumoniae และ Escherichia coli และ

                  องค์การอนามัยโลกจัดระดับกลุ่มความสำคัญระดับฉุกเฉินของเชื้อดื้อยาในประเทศไทยที่สำคัญ ได้แก่
                  Acinetobacter spp., เชื้อกลุ่ม Enterobacteriaceae เช่น Escherichia coli และ Klebsiella spp. เช่นกัน

                  จากข้อมูลที่พบจำเป็นต้องส่งเสริม สื่อสารความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาไปยังประชาชน เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ
                  การใช้ยาเกินความจำเป็น อีกทั้งหน่วยงานอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความสำคัญป้องกันการเกิดและควบคุม

                  การกระจายทั้งในคน สัตว์ สิ่งแวดล้อม ควบคุมการซื้อยาปฏิชีวนะ ตามยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ 2566-2570

                         กระบวนการในการให้การพยาบาลผู้ป่วยที่สะท้อนจากความคิดเห็นผู้ปฏิบัติงาน จะเป็นโอกาส
                  ในการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการ ออกแบบ ให้สอดคล้องกับนโยบายและบริบทของหน่วยงานกับการป้องกัน
   624   625   626   627   628   629   630   631   632   633   634