Page 633 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 633

Q19

                  อภิปรายผล

                         การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการตรวจ Urethral gram stain
                  โดยการวิเคราะห์ค่าตัดแบ่งที่เหมาะสมของปริมาณ PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้องจากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ

                  เพื่อทำนายการตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis ในปัสสาวะ ของผู้รับบริการที่มี

                  ประวัติพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ผลการศึกษาพบว่า ปริมาณ PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้องจากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ
                  > 8.6 cells/oil field ขึ้นไป จะมีโอกาสการตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis

                  ได้ในปัสสาวะ มีค่าความไวร้อยละ 90.9 และมีค่าความจำเพาะร้อยละ 93.3 ขณะที่ค่าตัดแบ่งของปริมาณ

                  PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้อง > 5 cells/oil field ที่ใช้เป็นเกณฑ์วินิจฉัยเพื่อการรักษาโรคหนองในเทียม สามารถ
                  ทำนายการตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis ในปัสสาวะได้เช่นเดียวกัน  มีค่าความไว

                  ร้อยละ 90.9 แต่มีค่าความจำเพาะน้อยกว่า ร้อยละ 82.2 พื้นที่ใต้กราฟของการทดสอบ (AUC) เท่ากับ 0.98
                  แสดงให้เห็นว่าปริมาณ PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้องจากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ มีประสิทธิ์ภาพในการทำนาย

                  การตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis ในปัสสาวะได้อย่างเหมาะสม

                  สรุปและข้อเสนอแนะ

                         ผู้รับบริการที่เรนโบว์คลินิกและห้องปฏิบัติการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ และโรคเรื้อน
                  สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีประวัติพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศและผลการตรวจ

                  Urethral gram stain ไม่พบ Gram negative diplococci สามารถนับปริมาณ PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้อง

                  จากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ เพื่อทำนายการตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis
                  ในปัสสาวะได้ เป็นวิธีที่มีค่าความไวสูง และค่าความจำเพาะสูง สามารถดำเนินการในงานบริการประจำวัน

                  ของห้องปฏิบัติการได้ ช่วยประหยัดงบประมาณการจัดซื้อน้ำยาตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการและช่วยลด

                  ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ การศึกษาในครั้งนี้อาจเป็นแนวทางเพื่อวิเคราะห์ค่าตัดแบ่งที่เหมาะสมของปริมาณ
                  PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้องจากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ เพื่อใช้จำแนกสาเหตุอื่นๆของโรคหนองในเทียมได้ในโอกาสต่อไป
   628   629   630   631   632   633   634   635   636   637   638