Page 631 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 631
Q17
การวิเคราะห์ค่าตัดแบ่งที่เหมาะสมของปริมาณ PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้อง จากตัวอย่าง
ในท่อปัสสาวะ เพื่อทำนายการตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis
ในปัสสาวะของผู้รับบริการที่มีประวัติพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
นายปฐมพงศ์ แย้มปั้น
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ เขตสุขภาพที่ 3
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหาวิจัย
โรคหนองในเทียม (Non-gonococcal urethritis; NGU) เป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะซึ่งไม่ได้
มีสาเหตุจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ประมาณ 11-50% ของผู้ป่วยหนองในเทียมเกิดจากการติดเชื้อ
Chlamydia trachomatis 30% เกิดจากการติดเชื้อ Ureaplasma urealyticum และที่เหลือเกิดจากสาเหตุ
อื่นๆที่พบได้น้อยมาก เช่น เกิดจากการติดเชื้อ Mycoplasma genitalium, Trichomonas vaginalis
ท่อปัสสาวะตีบ, หูดหงอนไก่, วัตถุแปลกปลอม, แผลที่เกิดจากเชื้อ Herpes Simplex Virus (HSV)
ในท่อปัสสาวะ เป็นต้น เกณฑ์ในการวินิจฉัยเพื่อการรักษาโรคหนองในเทียมในผู้ป่วยที่มีประวัติพฤติกรรมเสี่ยง
ทางเพศตามแนวทางของกรมควบคุมโรค พ.ศ.2562 คือ การตรวจ Urethral gram stain ไม่พบ Gram
negative diplococci และพบปริมาณ PMNs เฉลี่ย > 5 cells/oil field ให้วินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองในเทียม
แต่ไม่สามารถพิสูจน์ทราบสาเหตุได้ กรณีต้องการทราบว่าโรคหนองในเทียมเกิดจากการติดเชื้อ Chlamydia
trachomatis ต้องทดสอบต่อไปด้วยวิธีการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมของเชื้อหรือ Nucleic acid
amplification testing (NAAT) เช่น ชุดน้ำยาสำเร็จรูป Xpert CT/NG Assay (Cepheid,สหรัฐอเมริกา)
ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ให้ใช้ตรวจหาสาร
พันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis จากตัวอย่างปัสสาวะและอวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม วิธีการ
ดังกล่าวมีต้นทุนสูง และยังไม่เป็นที่แพร่หลายสำหรับงานประจำวันของห้องปฏิบัติการในสถานพยาบาลต่างๆ
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงทบทวนการตรวจ Urethral gram stain เพื่อวิเคราะห์ค่าตัดแบ่งที่เหมาะสมของปริมาณ PMNs
เฉลี่ยต่อวงกล้องจากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ เพื่อทำนายการตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia
trachomatis ในปัสสาวะ ของผู้รับบริการที่มีประวัติพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ซึ่งพิจารณาจากค่าความไว
(Sensitivity) ค่าความจำเพาะ (Specificity) และพื้นที่ใต้กราฟ (Area under curve; AUC)
วัตถุประสงค์การศึกษา
เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการตรวจ Urethral gram stain โดยการวิเคราะห์ค่าตัดแบ่ง
ที่เหมาะสมของปริมาณ PMNs เฉลี่ยต่อวงกล้องจากตัวอย่างในท่อปัสสาวะ เพื่อทำนายการตรวจพบสาร
พันธุกรรมของเชื้อ Chlamydia trachomatis ในปัสสาวะ ของผู้รับบริการที่มีประวัติพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
วิธีการศึกษา
การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงสังเกตแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional study) ในผู้รับบริการที่เรนโบว์
คลินิกและห้องปฏิบัติการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ และโรคเรื้อน สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3